เก็บเงินมาทั้งชีวิต อย่าปล่อยให้เงินหาย (จงปิดความเสี่ยงซะ)

ผมเชื่อว่า เพื่อนๆ หลายคนที่มีวินัยเก็บเงินกันอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง จนตอนนี้มีเงินก้อน ย่อมรู้สึกรักและหวงแหนเงินก้อนนั้นอย่างแน่นอน

นี่มัน น้ำพัก น้ำแรงของฉัน!!“

// ยินดีด้วยครับ คุณผ่าน หัวใจดวงแรกของหลักการบริหารเงิน คือมีเงินเหลือแล้ว // และเชื่อว่า เพื่อนๆ มีคิดต่อกันบ้างแล้วหละว่าจะทำอย่างไรดีให้เงินงอกเงยได้ไวขึ้น ผมเดาถูกต้องไหมละ!!

อยากเตือนแบบนี้ครับ ก่อนจะกระโดดไปลงทุนให้เงินงอกเงย หรือ สร้างความมั่งคั่งในชีวิตตัวเอง อย่าลืม “ปกป้องเงิน” ของตัวเองด้วย ลองดูว่าชีวิตนี้มีความเสี่ยงอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ ปิดมันซะ

เพราะหัวขโมยที่เก่งที่สุด ที่จะมาเอาเงินที่แสนหวงแหนไปจากเรา มักจะมาในชื่อของซวยจังวะไม่คิดว่าจะโดน” “ไม่น่าเลยหรือ บางครั้งอาจจะไม่ทันได้พูดด้วยซ้ำ แต่กลับทิ้งภาระหนี้ก้อนโตไว้ให้คนข้างหลัง เพราะจากไปก่อนวัยอันควร แล้วบังเอิญญญ เจ้าหัวขโมยคนนี้ ดันมีนิสัยที่ชอบมาหาเราในวันที่เราไม่พร้อมด้วยซิครับเพื่อนๆ

ทำอย่างไรดี? มีแนวคิด หรือหลักการจัดการเรื่องนี้อย่างไร? วันนี้แก๊ปเปอร์จะมาเล่าให้ฟังครับ

4 ประเภทของความเสี่ยง

ก่อนอื่นเลย อยากให้ทุกคนรู้จักกับคำว่าความเสี่ยงก่อน ว่าในทุกๆ วันที่เราใช้ชีวิตเนี่ย จะมีหลุมระเบิดอะไรบ้าง ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ เราลองไปสำรวจตัวเองกันดูครับ

1. ความเสี่ยงส่วนบุคคล

คือความเสี่ยงที่เกิดจากตัวเรา ทำให้ความสามารถในการหารายได้หายไป เช่น เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ตกงาน หรือ เกษียณฯ

2. ความเสี่ยงต่อทรัพย์สินของเรา

คือความเสี่ยงต่อมูลค่าของทรัพย์สินที่เรามีนั้นลดลง หรือถึงขั้น สูญหายไป เช่น บ้านไฟไหม้ น้ำท่วม

3. ความเสี่ยงที่เกิดกับคนในครอบครัว

คือความเสี่ยงที่ไปกระทบกับคนในครอบครัว เช่น คุณพ่อที่เป็นเสาหลักรายได้ของครอบครัวเจ็บป่วย ตกงาน หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต ทำให้สมาชิกที่เหลือได้รับผลกระทบ

4. ความเสี่ยงต่อการรับผิดชอบ

คือความเสี่ยงที่เราไปผูกมัดกับความรับผิดชอบต่างๆ ของเรา เช่น ทางวิชาชีพ หรือ อาจเกิดจากการค้ำประกันให้ผู้อื่น ยกตัวอย่าง แพทย์หรือวิศวกรที่ถูกฟ้องร้อง จากการทำหน้าที่ผิดพลาด หรือ คนที่เราค้ำประกันให้ แล้วคนนั้นเขาชิ่งไป

4 วิธีจัดการความเสี่ยง

เมื่อเราสำรวจความเสี่ยงทั้งหมดในชีวิตของเราแล้วสิ่งที่ควรทำต่อคือลงมือจัดการมันซะ หรือผมชอบเรียกว่ารับผิดชอบตัวเองทีนี่เราจะจัดการยังไง ผมมีหลักคิดมาให้แบบนี้ครับ

ความเสี่ยง = โอกาสเกิดความรุนแรง

หมายความว่าความเสี่ยงจะมากหรือน้อยจะแปรผันตรงมาจาก 2 อย่างคือ โอกาสที่จะเกิดกับความรุนแรงโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นสูง หรือ ต่ำแล้วถ้าเกิดจริงๆ ไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะรุนแรงมาก หรือ น้อย

ดังนั้นจะสามารถแบ่งวิธีการจัดการ” ได้เป็น 4 รูปแบบ มีอะไรบ้างไปดูกันครับ

แบบที่ 1 ความเสี่ยงที่รุนแรงน้อย โอกาสสูง

วิธีจัดการให้ควบคุมความเสี่ยง (ลดโอกาสเกิด) เช่น ออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ ลดโอกาส เป็นหวัด/ไข้

แบบที่ 2 ความเสี่ยงที่รุนแรงมาก โอกาสสูง

วิธีจัดการให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (แก้ที่ต้นเหตุ) เช่น ขับรถระวังมากขึ้น ,เมาแล้วต้องไม่ขับรถ

แบบที่ 3 ความเสี่ยงที่รุนแรงน้อย โอกาสต่ำ

วิธีจัดการรับความเสี่ยงไว้เอง (เตรียมทุน,วางมาตรการรับมือ) เช่น ก่อนเพื่อนจะยืมเงิน อาจจะต้องเตรียมตัวไว้ กรณีไม่ได้คืน ,หยุดงาน 7 วัน มีเงินสำรองเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในการยังชีพ

แบบที่ 4 ความเสี่ยงที่รุนแรงมาก โอกาสต่ำ

วิธีจัดการให้โอนความเสี่ยงด้วยการทำประกันครับ เช่น ตัวเราเสียชีวิต แล้วยังไม่ภาระที่เครียไม่หมด อาทิ บ้าน รถ หรือ รายได้ที่ต้องเลี้ยงดูที่บ้าน ,โรคร้ายแรง อาทิ มะเร็ง หรือ เบาหวาน ที่เมื่อเป็นแล้วต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการรักษา

เป็นอย่างไรบ้างครับ รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมไปจัดการความเสี่ยงของตัวเองกันนะครับ เพื่อนๆ หลายคนมักมองข้ามจุดนี้ เพราะมันดูไกลตัว ไม่น่าเกิดกับเรามั้งไม่น่า!!” ฮ่าๆๆๆ

ไม่น่า แปลว่า ยังเสี่ยงครับ ใช้ชีวิตด้วยความมั่นคง ไม่สะดุดขาตัวเองระหว่างทาง อย่าลืม ปกป้องเงิน แล้วค่อยๆ ปิดความเสี่ยงกันนะครับ