ก้าวแรกมีเงินเหลือ

เป้าหมายแรก ของการมี “สุขภาพการเงินที่ดี” คือการ “มีเงินเหลือ” ครับ ที่ผมต้องเล่าเรื่องนี้เป็นเพราะ มีคนไม่น้อยเลย ที่ใช้เงินได้เก่งมากกก บริหารเงินได้หมดพอดีเป๊ะ !! ทุกสิ้นเดือน

แต่ไอ้ความที่มันพอดีเป๊ะนี่แหละที่เป็นปัญหา เพราะมันหมายความว่า “ไม่มีเงินเหลือ” เลย แม้แต่บาทเดียว ซึ่งนี่เป็นอาการทางการเงินที่ “ผิดปกติ” และคนที่ไม่ดูแลสุขภาพเรื่องเงินมักไม่รู้!

“มีเงินเหลือ” คืออะไร? แปลว่าอะไร?

เงินเหลือ ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกันครับ

1. “เหลือกิน”

เราต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งในชีวิต ไว้กิน เอาที่พอกับเรา เมื่อเราเริ่มอิ่ม เราก็จะเริ่มมีความสุข และมีแรงไปคิดหรือทำเรื่องสำคัญๆ ต่อได้

2. “เหลือใช้”

แบ่งอีกส่วนไว้ใช้ แต่ต้องพอดีนะ (หลายคนบานปลายจากส่วนนี้นี่ละ ฮ่าๆ) แบ่งไว้ใช้ให้พอดีในแต่ละเดือน ทริคคือ กำหนดเพดานไว้หน่อยจะได้ไม่บานปลายครับ

3. “เหลือเก็บ”

สุดท้ายสำคัญที่สุดเลย เป็นส่วนที่ ต้องมี และ จำเป็นมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ถ้ามีใครบอกผมว่า “นี่ไง มีกิน มีใช้แล้ว” บอกเลยว่าไม่พอครับ!! ต้อง “มีเก็บ” ด้วย

ทำไมต้องมี “เหลือเก็บ” ?

คำถามนี้อาจจะต้องถามกลับไปว่า​ .. แล้วทำไมถึงไม่เก็บนะ? ในเมื่อการ “เก็บ” มันคือ “เก็บเพื่อตัวเราเองในอนาคต”

ถ้าย้อนกลับไปจะเห็นว่าเงินส่วนที่ 1 กับ 2 คือ การจ่ายให้คนอื่นหมดเลย ไม่มีรายการไหน ที่จ่ายให้ตัวเอง จ่ายเพื่อกิน จ่ายเพื่อใช้ ทั้งคู่เป็นการย้ายเงินจากกระเป๋าตังค์ของเราไปสู่กระเป๋าตังค์ของคนอื่น แต่ส่วนที่ 3 แตกต่างออกไป เพราะมันคือ “การจ่ายให้ตัวเอง” หรือก็คือย้ายเงินจากกระเป๋าตังค์ของเราในตอนนี้ ไปแยกเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ของเราในอนาคต เพื่อให้เราในอนาคตได้เอาไว้ใช้จ่ายนั่นเอง

เพราะเราไม่รู้หรอกครับว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น พรุ่งนี้ตกงาน, เดือนหน้าตู้เย็นเสีย, ปีหน้าตรวจเจอมะเร็งต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา!! อย่างน้อยๆ เราก็จะอุ่นใจได้ ที่มีเงินเก็บก้อนนี้สำรองไว้

หรือแม้แต่ .. วันที่เราแก่เฒ่า ไม่มีแรงทำงาน ถ้าหากไม่มีเงินเก็บ แล้วจะเอาที่ไหนกิน ที่ไหนใช้? เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเริ่ม “เหลือเก็บ” ตั้งแต่วันนี้ครับ เพื่อให้มี “เหลือกิน” และ “เหลือใช้” ในวันข้างหน้าด้วย

จำไว้ว่า “ความโชคร้ายมักจะชอบวิ่งหาคนที่ไม่เตรียมพร้อมเสมอ” ฟังแบบนี้แล้ว มาเริ่มต้น “มีเงินเหลือเก็บ” กันนะครับ “เริ่มเหลือ เริ่มรวย” จริงๆ ครับ